หลายๆคนอาจจะเคยเห็นโปสเตอร์อันนี้กันมาบ้างนะครับ (ตามรูปข้างล่าง)

ปัญหาที่ตามมาคือเจ้าของสัตว์บางคนจะไม่ทราบว่าแล้วผลิตภัณฑ์ตัวไหน คือยาเถื่อน ตัวไหนไม่ได้รับการจดทะเบียน ยาแต่ล่ะตัวมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน ผลิตภัณฑ์ทุกๆตัวจะต้องมีสัญลักษณ์ อย. อยู่บนฉลากหรือไม่ แล้วจะตรวจเช็คได้อย่างไรว่ายาตัวนั้นๆแจ้งเลขทะเบียนจริงๆ ไม่ได้แอบอ้าง เดี๋ยว Admin จะค่อยๆ อธิบายนะครับ
กลุ่มแรกน่าจะเป็นกลุ่มที่ใช้กันบ่อยที่สุด และเป็นกลุ่มที่ต้องระมัดระวังเรื่องอันตรยมากที่สุดครับ คือกลุ่มยากำจัดเห็บหมัด
เห็บหมัดคือแมลงประเภทนึง ดังนั้นยากำจัดเห็บหมัดส่วนใหญ่จึงเป็นยาฆ่าแมลงประเภทนึงครับ
กลุ่มผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ หากเป็นยาที่จดทะเบียนถูกต้อง จะมีสัญลักษณ์ อย. และเลขที่ วอส ที่กล่องหรือบรรจุภัณฑ์ครับ (วอส. คือ วัตถุอันตราย. ที่ ใช้ทางสาธารณสุข ในกรณีหมายถึงกลุ่มสารกำจัดแมลงนะครับ)
ยกตัวอย่างเช่น ยาหยอดหลังกำจัดเห็บหมัด Frontline Plus

ปลอกคอกำจัดเห็บหมัด Kiltix

น้ำยากำจัดเห็บหมัด Bayticol

แต่ก็มียากำจัดเห็บหมัดบางชนิด บางแบบ ที่ไม่ได้จัดเป็นกลุ่ม วัตถุอันตราย. ที่ ใช้ทางสาธารณสุข จึงไม่มีสัญลักษณ์ อย. ที่กล่องหรือบรรจุภัณฑ์
เนื่องจากจัดเป็นประเภทตัวยา จึงแจ้งเป็นเลขทะเบียนยาแทน
ยกตัวอย่างเช่น Revolution และ Advocate ตัวอย่างรูปข้างล่างจะเป็นเลจทะเบียนของ Revolution

ส่วนยาทั้วไปที่ใช้ในการรักษาโรค ก็จะดูที่เลขทะเบียนยาเป็นหลักนะครับ เช่นตัวอย่างตามรูป Tolfedine (ยาลดไข้) , Marbocyl (ยาปฏิชีวนะ)
เลขทะเบียนยาคือตัวเลขและตัวหนังสือหลังคำว่า "Reg. No."

หรือกลุุ่มยาใช้ภายนอก เช่นยาหยอดหู Dexoryl , Aurizon

หรือแม้แต่แชมพูอาบน้ำ หากใช้สาร ตัวยา หรือส่วนประกอบที่เป็นสารออกฤทะิ์ที่ต้องขึ้นทะเบียน แชมพูตัวนั้นๆก็ต้องมีเลขทะเบียนยาครับ
ยกตัวอย่างแชมพู Malaseb ของ Pfizer

แต่ในการใช้ยาตามคลินิกหรือตามโรงพยาบาลสัตว์ บางครั้งก็มีการใช้ยานำเข้า หรือยาที่หิ้วเข้ามาใช้เอง โดยที่ยาตัวนั้นยังไม่ได้มีการจดทะเบียนกับ อย. (เช่น ไม่มีบริษัทตัวแทนนำเข้าหรือจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ)
การจะตรวจเช็คเรื่องความปลอดภัยเบื้องต้น อย่างน้อยยาตัวนั้นๆ ก็ควรจะได้รับการจดทะเบียน หรือได้รับการยอมรับจากหน่วยงาน หรือองค์กรที่น่าเชือถือ
ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ตามรูป จะมีการลงเลขทะเบียนของ FDA (อย. ของสหรัฐอเมิกา)
*** อันนี้ Admin ยกตัวอย่างลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองของ FDA ให้ดูนะครับ
เพราะจริงๆ แล้ว ผลิตภัณฑ์ทั้งสองตัวก็จดทะเบียนกับ อย. ไทย เช่นกันครับ (แต่อย่างที่อธิบายไปข้างบนครับ การใช้ยาบางตัวในคลินิกหรือโรงพยาบาลสัตว์ จะมียาบางตัวครับ เป็นลักษณะที่หิ้วเข้ามาใช้ เพราะไม่มีตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย)

เมื่อทราบวิธีดูสัญลักษณ์ หรือ เลขทะเบียนยาแล้วต่อไปก็เป็นการตรวจเช็คว่า ยาตัวนั้นๆ จดทะเบียนจริงๆหรือไม่ เลขทะเบียนหมดอายุแล้วหรือยัง
โดยสามารถเช็คผ่านเว็บไซด์ของ อย. ได้ครับที่ http://wwwapp1.fda.moph.go.th/logistics/drgdrug/DSerch.asp
เมื่อเข้าไปที่หน้าเว็บตาม link ก็จะเป็นดังรูปข้างล่าง

เราสามารถใช้ชื่อยี่ห้อ ชื่อตัวยาสารออกฤทธิ์ เลขทะเบียนยา ชื่อตัวแทนจำหน่าย ผู้ผลิตในการค้นหาข้อมูลได้ครับ
ยกตัวอย่าง Admin จะเช็คเรื่องการจดทะเบียนของ Heartgard ก็ใช้ชื่อทางการค้าในการค้นหา
จะเห็นว่า สถานะ ของ Heartgard มีทั้งคงอยู่ และ ยกเลิก
ที่คงอยู่ คือ Heartgard Plus ส่วนที่ยกเลิก คือตัว Heartgard แบบเม็ด (Tablet) ซึ่งปัจจุบันทางตัวแทนจำหน่ายยกเลิกการนำเข้ามาขายในประเทศไทย
เหลือแค่ Heartgard Plus เพียงอย่างเดียว จากที่เมื่อก่อนมีขายทั้งสองแบบ

ทีนี้ลองเอาชื่อยาเถื่อนยอดนิยมที่มีขายกันเยอะๆไปค้นดูครับ

ไม่ไ้ด้ขึ้นทะเบียน จริงๆด้วย
ทีนี้ลองเอาชื่อยา ivermectin ไปค้นหาดูบ้าง (ที่ Admin เคยอธิบายอยู่เสมอว่า ตัวยาแบบฉีดได้รับการจดทะเบียนจริง แต่เป็นการจดทะเบียนเพื่อใช้ในหมูและวัว ไม่ใช่การจดเพื่อใช้ในหมาและแมว)

คลิกเลือดสูตรที่เป็นยาฉีด (injection)

จากนั้นในข้อบ่งใช้ คลิกที่คำว่า ดูรายละเอียด
จะมีการเปิดเป็นไฟล์ word ฟรือพวกไฟล์เอกสารขึ้นมา เพื่อให้อ่านรายละเอียดยา เป็นยาของหมูและวัวจริงๆด้วย !!!

Admin อธิบายเป็นแนวทางคร่าวๆ แค่นี้นะครับ คงพอได้แนวคิด และวิธีการ ในการตรวจสอบความถูกต้องของยาหรือผลิตภัณฑืแต่ล่ะชนิดนะครับ
หวังว่าคงเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของสัตว์ไม่มากก็น้อยนะครับ ในการหลักเลี่ยงกลุ่มยาเถื่อนที่ไม่ได้รับการจดทะเบียน
ปล. ขอเสริมอีกนิดนึงครับ การที่ยาได้รับการจดทะเบียนนั้นหมายความว่า ยาตัวนั้นมีความปลอดภัยหากใช้ยาอย่างถูกต้องนะครับ
ไม่ได้หมายความว่าหากเอาไปใช้เองโดยไม่มีความรู้แล้วจะไม่มีอันตรายอะไร เพราะหากให้ยาเกินขนาด ใช้ผิดวิธี ก็สามารถเกิดปัญหาหรืออันตรายขึ้นมาได้นะครับ
การใช้ยาต่างๆจึงควรผ่านการตรวจวินิจฉัยและได้รับการสั่งจ่ายจากคุณหมอผู้ตรวจมาแล้วนะครับ มีข้อสงสัยเรื่องการใช้ยาให้สอบถามคุณหมอให้รู้เรื่องก่อนนะครับ